ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ถือเป็นวิธีการคัดกรองและควบคุมโรคลำไส้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ก่อนส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ควรทำอย่างไรจึงจะวินิจฉัยได้ถูกต้อง? กับ bioprothailand มาเรียบรู้ในบทความนี้กันเถอะ
1. ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่
ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้กล้องส่องกล้องนุ่มนวลและยืดหยุ่นที่ส่วนปลายเพื่อส่องดูภายในลำไส้ใหญ่และไส้ตรง กล้องส่องเข้าไปในร่างกายผ่านทางทวารหนักและเคลื่อนขึ้นไปที่ลำไส้ใหญ่ ช่วยให้แพทย์ตรวจความผิดปกติในลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
1.1. กระบวนการดำเนินการ
ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่สำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถสังเกตภายในลำไส้ใหญ่ได้โดยตรง เพื่อวินิจฉัยและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องได้ ขั้นตอนนี้มักดำเนินการโดยแพทย์ระบบทางเดินอาหารหรือแพทย์ส่องกล้องที่มีประสบการณ์
กระบวนการส่องกล้องเกิดขึ้นดังนี้ แพทย์จะสอดกล้องขนาดเล็กที่ยืดหยุ่นเข้าร่างกายผ่านทางทวารหนัก กล้องส่องเคลื่อนไปตามลำไส้ใหญ่ ช่วยให้แพทย์สังเกตรายละเอียดของเยื่อบุลำไส้ใหญ่ ตรวจพบความผิดปกติ เช่น ติ่งเนื้อ แผล อาการอักเสบ เนื้องอก…
ในกรณีที่จำเป็นแพทย์สามารถทำการตรวจชิ้นเนื้อและนำตัวอย่างเนื้อเยื่อไปทดสอบและวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง
มีสองวิธีทั่วไปในการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่:
- ส่องกล้องทั่วไป: ผู้ป่วยจะได้ฉีดยาระงับประสาทเบาเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการส่องกล้อง
- ส่องกล้องโดยใช้ยาระงับความรู้สึก: ผู้ป่วยจะได้ดมยาสลบก่อนส่องกล้อง
ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เป็นวิธีปลอดภัยและมีประสิทธิภาพซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีหมายเหตุบางประการที่ต้องนำมาพิจารณาทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากทำ
1.2. คนที่ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ช่วยให้ผู้ป่วยคัดกรองโรคที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และยังช่วยให้แพทย์ทำการวินิจฉัยทางคลินิกได้อีกด้วย บางคนที่ควรส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
- คนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป: เป็นช่วงอายุที่ความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มเพิ่มขึ้น ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เป็นระยะเพื่อคัดกรองมะเร็งในกลุ่มคนกลุ่มนี้
- คนที่ในครอบครัวมีคนเป็นโรคลำไส้หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่: หากสมาชิกในครอบครัวคนใดโดยเฉพาะพ่อแม่ พี่น้อง เป็นโรคต่างๆ เช่น ติ่งเนื้อในลำไส้ ลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล มะเร็งลำไส้ใหญ่ … คุณจะมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่ไม่ญาติเคยเป็น
- คนที่มีอาการหรือสัญญาณที่ผิดปกติเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ เช่น: เปลี่ยนนิสัยขับถ่าย เลือดออกในไส้ตรง ปวดท้องเรื้อรัง น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- คนที่เคยเป็นติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่: หากคุณเคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่มาก่อน คุณจะต้องตรวจติดตามด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เป็นระยะเพื่อตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของมะเร็งตั้งแต่เนิ่นๆ
1.3. วัตถุประสงค์ของการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่จะช่วยให้ผู้ป่วยคัดกรองโรคที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ:
- ตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่เนิ่นๆ: มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคอันตรายและมีอัตราการเสียชีวิตสูง อย่างไรก็ตามหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ โอกาสที่จะรักษาได้สำเร็จก็จะสูงขึ้นมาก
- ตรวจพบและกำจัดติ่งเนื้อ: แม้ว่าติ่งลำไส้ใหญ่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่บางชนิดก็สามารถกลายเป็นมะเร็งได้ ในระหว่างการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ แพทย์สามารถตรวจพบและตัดติ่งเนื้อออกได้ทันที ซึ่งช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในอนาคต
- วินิจฉัยและรักษาโรคลำไส้ใหญ่: ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคลำไส้ได้อย่างแม่นยำ เช่น ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล โรคโครห์น ท้องผูกเรื้อรัง…จากนั้นมีวิธีการรักษาเหมาะสม
- ประเมินการลุกลามของโรคและวางแผนการรักษา: ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ช่วยติดตามการลุกลามของโรค ประเมินประสิทธิภาพการรักษา และปรับแผนการรักษาหากจำเป็น
- กำหนดการติดตามเป็นประจำ: ขึ้นอยู่กับสภาพสุขภาพและความเสี่ยงต่อโรคของคุณ แพทย์จะแนะนำกำหนดเวลาการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เป็นประจำเพื่อติดตามสุขภาพของลำไส้ใหญ่และตรวจหาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ
2. ก่อนส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ควรทำอย่างไร?
หลังจากเรียนรู้บันทึกพื้นฐานของการส่องกล้องลำไส้ใหญ่แล้ว ผู้ป่วยจะต้องทราบสิ่งต่อไปที่จำเป็นต้องรู้ในระหว่างการตรวจลำไส้ใหญ่
2.1. กำหนดเวลาในการตรวจส่องกล้อง
เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพลำไส้ใหญ่และต้องการทราบอาการอย่างแน่นอน ควรนัดพบแพทย์โดยเร็วที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ หรือเมื่อคุณได้รับนัดส่องกล้องจากแพทย์
นอกจากนี้ ในการนัดหมาย ควรนัดหมายกับแพทย์ระบบทางเดินอาหารหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ปัญหาสุขภาพในปัจจุบัน ประวัติทางการแพทย์ และอาการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่
2.2. อาหารก่อนการส่องกล้อง
หลายๆ คนคงสงสัยว่า “ต้องทำอย่างไรก่อนส่องกล้องลำไส้ใหญ่” รวมถึงปัญหาเรื่องการกินด้วย คุณต้องใส่ใจเรื่องโภชนาการก่อนส่องกล้องดังนี้
- ก่อนส่องกล้อง 5 วัน: เปลี่ยนมารับประทานอาหารที่มีเส้นใยต่ำ ย่อยง่าย และจำกัดอาการท้องผูกเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อกระบวนการส่องกล้อง
- ก่อนส่องกล้อง 1 วัน: เปลี่ยนมารับประทานอาหารอ่อน ห้ามรับประทานอาหารแข็งโดยเด็ดขาด ควรทานซุป ข้าวต้ม แกง และสมูทตี้ผลไม้ไร้เมล็ด
- วันที่ส่องกล้อง: อดอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนส่องกล้อง หลีกเลี่ยงดื่มน้ำ นม เครื่องดื่มที่มีสี และเครื่องดื่มอัดลมอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนส่องกล้อง
นอกจากนี้คุณต้องใส่ใจกับการใช้อาหารเสริมและวิตามินอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนส่องกล้อง (เว้นแต่แพทย์จะกำหนดเป็นอย่างอื่น) หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสารกระตุ้นอย่างน้อย 3 วันก่อนส่องกล้อง
2.3. ทำความสะอาดลำไส้ใหญ่
ก่อนทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ ผู้ป่วยจำเป็นต้องทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ด้วยมาตรการพื้นฐานหรือใช้ยา เพื่อให้แพทย์เห็นภาพที่แม่นยำและชัดเจน ยาบางชนิดที่ผู้ป่วยสามารถใช้ได้: ฟอร์แทรน (ยาระบาย) ยาสวนทวารหนัก ครีมทาทวารหนัก…
2.4. สิ่งต้องทราบในระหว่างส่องกล้อง
นอกจากสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่แล้ว คุณยังต้องทราบสิ่งสำคัญบางประการหลังจากส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ด้วย:
- นำเวชระเบียนของคุณไปด้วย: รวมถึงผลการทดสอบ ใบสั่งยา เอ็กซ์เรย์ ฯลฯ ของการตรวจครั้งล่าสุดของคุณ เพื่อให้แพทย์สามารถเข้าใจสภาวะสุขภาพของคุณได้อย่างชัดเจนและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการขับรถหลังจากส่องกล้อง: เนื่องจากผลของการดมยาสลบ คุณไม่ควรขับรถกลับบ้านหลังจากการส่องกล้อง ควรบอกให้ญาติหรือเพื่อนมารับเพื่อความปลอดภัย
- พักผ่อนและติดตามสุขภาพ: พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 1-2 วันหลังการส่องกล้อง งดออกกำลังกายหนักๆ ในเวลา 1 สัปดาห์ ทานอาหารอ่อนและย่อยง่าย จำกัดอาหารรสเผ็ดและมีมันเยอะ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ไลฟ์สไตล์ และการใช้ยาหลังจากส่องกล้องเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการฟื้นฟูเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น: หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการย้ายและใช้ชีวิตหลังจากส่องกล้อง อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากญาติหรือเพื่อนฝูง
2.5. ยารักษาส่งผลต่อการส่องกล้อง
นอกจากปัญหาด้านอาหารที่อาจส่งผลต่อการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่แล้ว ยาที่ผู้ป่วยใช้ยังส่งผลต่อการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และไส้ตรงอีกด้วย ควรใช้ยาบางชนิดก่อนส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
- ยาลดการแข็งตัวของเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเลือด: Aspirin, Warfarin, Clopidogrel, Rivaroxaban, Apixaban, Dabigatran,…
- ยาคลายกล้ามเนื้อทั่วไป: Cyclobenzaprine, Methocarbamol, Baclofen, Tizanidine, Dantrolene
- ยาระงับประสาทและยาชา: Midazolam, Diazepam, Propofol, Fentanyl
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): Celecoxib, Naproxen, Diclofenac, Ibuprofen, Meloxicam
2.6. ผลข้างเคียงของการส่องกล้องลำไส้ใหญ่
เมื่อทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อผู้ป่วยได้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง โปรดดูอาการข้างเคียงด้านล่างเพื่อหาวิธีป้องกัน
- หิวและเหนื่อยล้า: เนื่องจากการใช้ยาระบาย อาจมีการเคลื่อนไหวของลำไส้บ่อยครั้ง ส่งผลให้สูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้เกิดความรู้สึกหิวและเหนื่อยล้า
- เจ็บปวดและไม่สบายตัว: บางคนอาจรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายบริเวณช่องท้องส่วนล่างหลังการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เนื่องจากการใส่กล้องเอนโดสโคปเข้าไปในลำไส้ อาการปวดนี้มักไม่รุนแรงและจะทุเลาลงภายในไม่กี่ชั่วโมง
- เลือดออก: เลือดออกเล็กน้อยหลังจากการส่องกล้องเป็นเรื่องปกติ และมักจะหยุดเองภายในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเลือดออกเยอะหรือเป็นเวลานาน ให้ติดต่อแพทย์ทันที
- ผลของยาชา: หากคุณได้ใช้ยาชาหรือยาระงับประสาทระหว่างการส่องกล้อง คุณอาจรู้สึกง่วงซึม เวียนศีรษะ หรือชาหลังจากตื่นนอน
- อาการแพ้: บางคนอาจแพ้ยาระงับความรู้สึกหรือยาที่ใช้ระหว่างการส่องกล้อง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ผื่น คัน หรือหายใจลำบาก
- ภาวะแทรกซ้อนที่พบไม่บ่อย: แม้จะพบไม่บ่อย แต่การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น อักเสบ ลำไส้ทะลุ หรือมีเลือดออกรุนแรง