โรคลำไส้แปรปรวนค่อนข้างพบบ่อยและมีหลายคนเป็น อย่างไรก็ตามไม่ใช่ใครๆ ก็เข้าใจโรคนี้อย่างชัดเจน เพื่อตอบคำถามว่า โรคลำไส้แปรปรวนอันตรายหรือเปล่า มาอ่านบทความด้านล่างกันเถอะ
1. โรคลำไส้แปรปรวนคืออะไร
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) เป็นโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของลำไส้และพบบ่อย โรคนี้ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ มีกลุ่มโรคพบบ่อยดังต่อไปนี้:
- กลุ่มที่ 1: อาการเด่นคือท้องร่วง
- กลุ่มที่ 2: อาการเด่นคือท้องผูก
- กลุ่มที่ 3: มีอาการทั้งท้องเสียและท้องผูก
- กลุ่มที่ 4: ไม่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องผูก
แม้ว่า IBS ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต อาการอาจทำให้ผู้ป่วยกลัวเข้าสังคม วิตกกังวล เครียด และอาจเป็นภาวะซึมเศร้าได้ อาการของโรคอาจสับสนกับสัญญาณของโรคอื่นๆ ง่าย แต่อาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่:
1.1. อาการตรงท้อง
อาการปวดท้องเป็นอาการพบบ่อยที่สุดของโรคลำไส้แปรปรวน อาการปวดอาจปรากฏที่ใดก็ได้ในช่องท้อง อาจปวดตื้อๆ รุนแรง หรือปวดเกร็งเป็นระยะๆ อาการปวดมักเกี่ยวข้องกับการขับถ่ายและอาจลดลงหลังจากขับถ่าย
นอกจากนี้ยังมีอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง เพราะโรคลำไส้แปรปรวนทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง เนื่องจากทำให้เกิดอาการท้องอืดเพราะแบคทีเรียที่หมักแป้งซึ่งมีอยู่ในลำไส้ใหญ่ในเวลานาน นอกจากนี้โรคลำไส้แปรปรวนยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวล ตึงเครียดทางประสาท และประสบกับความเครียดมากอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องอืดได้
1.2. อาการท้องผูกและท้องร่วง
อาการทั่วไปอย่างหนึ่งของ IBS คืออาการท้องผูกและท้องร่วง:
ท้องผูก: อาการท้องผูกเป็นอาการทั่วไปของโรคลำไส้แปรปรวนเมื่อผู้ป่วยขับถ่ายลำบาก ซึ่งอาจรวมถึงรู้สึกถ่ายไม่สุด ขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และอุจจาระแข็งหรือเป็นเส้น ท้องผูกอาจทำให้รู้สึกอึดอัดและปวดท้องส่วนล่าง
ท้องร่วง: ตรงกันข้ามกับอาการท้องผูก อาการท้องร่างเป็นอีกอาการหนึ่งของโรคลำไส้แปรปรวน ผู้ป่วยอาจรู้สึกต้องต้องขับถ่ายอย่างเร่งด่วนหรือควบคุมไม่ได้ อุจจาระมักจะหลวมและอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
1.3. สัญญาณและอาการอื่น ๆ
นอกจากอาการพบบ่อยทางช่องท้อง เช่น ปวดท้อง ท้องร่าง ท้องผูก ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้องแล้ว IBS ยังอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่:
เหนื่อยล้า อ่อนแอ ขาดพลังงาน: อาการเหล่านี้เป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เนื่องจากผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนเปลี่ยนนิสัยการกิน
ปวดหลังและนอนไม่หลับ: บางครั้งผู้ป่วยจะมีอาการบางอย่างที่ดูไม่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ อาการที่กล่าวโดยทั่วไปคือปวดหลังโดยเฉพาะในกลางคืน ความเจ็บปวดเกิดขึ้นที่อื่นนอกเหนือจากบริเวณที่กำเนิด ในกรณีของโรคลำไส้แปรปรวน อาการปวดนั้นจะมาจากลำไส้และทำให้นอนไม่หลับในเวลานาน
นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถเป็นโรคต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง อาการทางจิต เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า… ระดับและลักษณะของอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน สิ่งสำคัญคือต้องรับรู้อาการเหล่านี้ทันทีเพื่อตรวจและรักษา
2. โรคลำไส้แปรปรวนเป็นโรคติดต่อหรือเปล่า
ปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคลำไส้แปรปรวน ได้แก่ ปฏิกิริยาผิดปกติระหว่างระบบประสาทและลำไส้ใหญ่ การหดตัวผิดปกติในลำไส้ การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ และลำไส้อักเสบ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ : ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ความเครียดเรื้อรัง โรคซึมเศร้า
ดังนั้นโรคลำไส้แปรปรวนโดยพื้นฐานแล้วเป็นความผิดปกติในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแบคทีเรียหรือไวรัสที่ทำให้เกิดโรค ดังนั้นโรคนี้จึงไม่ติดต่อหรือแพร่เชื้อจากคนสู่คน
อย่างไรก็ตาม โรคลำไส้แปรปรวนอาจทำให้เกิดอาการทางเดินอาหารที่ไม่พึงประสงค์ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนควรไปหาหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
3. โรคลำไส้แปรปรวนเป็นอันตรายหรือเปล่า
การวิจัยและสถิติแสดงให้เห็นว่าโรคลำไส้แปรปรวนเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลกในแต่ละปี แม้ว่าโรคนี้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ลำไส้แปรปรวนนั้นเป็นภาวะเรื้อรังที่กำเริบซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลงอย่างมาก
ประการแรก อาการลำไส้แปรปรวนกลับเป็นซ้ำบ่อยครั้ง ทำให้ผู้ป่วยเหนื่อยล้า กระทบต่อการทำงาน การเรียน ชีวิตประจำวัน รวมถึงสุขภาพจิต นอกจากนี้เนื่องจากมีอาการผิดปกติ ผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนจึงต้องจำกัดเดินไปมา
นอกจากนี้ ผลการวิจัยพบว่าคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนยังต่ำกว่าผู้ป่วยโรคทางกาย เช่น เบาหวาน หรือกรดไหลย้อนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากหมอเมื่อมีอาการลำไส้แปรปรวน แต่จะปรึกษาหมอเฉพาะเมื่อมีอาการปวดท้องและยังมีอาการทางเดินอาหารอยู่เท่านั้น
ประการที่สอง พบว่าผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนส่วนใหญ่มีอาการท้องร่าง (IBS-D) มักประสบปัญหาทางจิต เนื่องจากอาการของโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวลเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคลำไส้แปรปรวน อุบัติการณ์ของโรคอยู่ระหว่าง 40% ถึง 60%
ประการที่สาม ผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนจะต้องงดอาหารเพื่อควบคุมโรค ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดสารอาหารและร่างกายอ่อนแอเนื่องจากโภชนาการไม่เพียงพอ
ประการที่สี่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนและท้องผูกเรื้อรังอาจเสี่ยงต่อโรคริดสีดวงทวาร อาการท้องผูกระยะยาวมักทำให้ขับถ่ายลำบากเนื่องจากอุจจาระแห้งเกินไป สิ่งนี้ทำให้เกิดความกดดันอย่างมากต่อหลอดเลือดใต้เยื่อเมือกของภาคผนวก ขัดขวางการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดหยุดนิ่งและก่อตัวเป็นริดสีดวงทวาร
แม้ว่าผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนจะไม่ทำให้เนื้อเยื่อลำไส้เสียหายเพิ่มขึ้นและไม่เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่การวินิจฉัยและรักษาทันทียังเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญในการจำกัดอาการแทรกซ้อนและปรับปรุงคุณภาพชีวิต ดังนั้นเมื่อเป็นโรคลำไส้แปรปรวนเริ่มแรก ผู้ป่วยควรรีบไปหาหมอเพื่อรับคำปรึกษาและรักษาอย่างทันท่วงที
4. จะควบคุมโรคลำไส้แปรปรวนอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
4.1. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
เพื่อรักษาสุขภาพ ผู้ป่วยต้องรับประทานอาหารอย่างสมดุลและปลอดภัย รวมถึงรับประทานอาหารปรุงสุกและดื่มน้ำต้มสุก ในเวลาเดียวกัน สุขอนามัยของอาหารและกระบวนการแปรรูปต้องได้ควบคุมอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ต้องดื่มน้ำให้ได้ 2 – 3 (ลิตร) ต่อวัน หรือสามารถคำนวณปริมาณน้ำที่ต้องได้รับในแต่ละวันตามสูตร “ปริมาณน้ำพื้นฐานรายวัน (ลิตร) = น้ำหนัก (กก.) x 0.04 ลิตร” เพื่อป้องกันอาการท้องผูกและช่วยล้างพิษในร่างกาย หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมากเกินไปหรือหิวเกินไป แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ ทั้งวันสามารถช่วยให้ร่างกายย่อยและดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
ไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารประจำวัน ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและสนับสนุนการรักษา IBS อย่างไรก็ตาม การบริโภคใยอาหารจำเป็นต้องปรับให้เหมาะกับแต่ละคน
4.2. รักษานิสัยการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ การรักษาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญมาก:
- อย่าลืมนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงทุกคืนและอย่านอนดึก
- รักษาอารมณ์เชิงบวกและหลีกเลี่ยงการทำงานหนักเกินไป
- เลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น เดิน โยคะ… เพื่อสุขภาพแข็งแรง ลดความเครียด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น
- สร้างกิจวัตรประจำวันในการเข้าห้องน้ำให้ตรงเวลาทุกวัน
- นวดหน้าท้องในตอนเช้าเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้และช่วยให้ขับถ่ายง่าย
5. ใช้ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก BIOPRO ช่วยปรับปรุงโรคลำไส้แปรปรวน
โปรไบโอติก BIOPRO ได้รู้จักว่าเป็นโซลูชั่นสนับสนุนลำไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ผลิตภัณฑ์นี้มีจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่มีประโยชน์ซึ่งช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ จึงทำให้อาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด และความผิดปกติของระบบย่อยอาหารดีขึ้น ใช้โปรไบโอติก BIOPRO สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยย่อยอาหาร และส่งเสริมการดูดซึมสารอาหาร สำหรับผู้ป่วย IBS การเสริมโปรไบโอติกเป็นส่วนสำคัญของการจัดการโรค ซึ่งช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้ ลดอาการกระตุกของลำไส้ได้อย่างมาก และยังช่วยให้ผู้ป่วยรักษาการเคลื่อนไหวของลำไส้ให้แข็งแรง รักษาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและปรับปรุงคุณภาพชีวิต
บทความข้างต้นตอบคำถามว่า โรคลำไส้แปรปรวนเป็นอันตรายหรือเปล่า เป็นโรคติดต่อหรือเปล่า หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยมีความรู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้น จึงมีวิธีดูแลสุขภาพเหมาะสมด้วย
6. ข้อมูลอ้างอิง
https://www.healthline.com/health/ibs/is-ibs-contagious
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/irritable-bowel-syndrome/symptoms-causes/syc-20360016