เด็กแรกเกิดและเด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อโรคทั่วไปได้ โดยเฉพาะอาการท้องร่วงและมีไข้ สองอาการนี้อาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้ผู้ปกครองสับสนได้ บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการรักษาเด็กที่เป็นไข้และท้องร่วง
1. ทำไมเด็กถึงมีไข้และท้องร่วงพร้อมกัน?
เด็กแรกเกิดอาจมีไข้และท้องร่วงได้จากหลายสาเหตุ อาการท้องร่วงที่พบบ่อยส่วนใหญ่ไม่มีไข้ร่วมด้วย และสามารถรักษาที่บ้านได้โดยปรับอาหารและดูแลเด็กให้ดี อย่างไรก็ตามหากเด็กมีไข้สูงหรือมีอาการอื่นๆ ผู้ปกครองจำเป็นต้องพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาทันที สาเหตุทั่วไปของไข้และท้องร่วงในเด็กมีดังนี้
- ติดเชื้อไวรัส: โรตาไวรัสเป็นสาเหตุสำคัญของอาการท้องร่วงและมีไข้ในเด็ก ไวรัสนี้สามารถแพร่เชื้อได้ทางอุจจาระ – ช่องปาก ดังนั้นการดูแลเด็กให้สะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากนี้เด็กยังสามารถมีไข้และท้องร่วงได้เนื่องจากไวรัสชนิดอื่น เช่น ไวรัสหวัด “https://kidshealth.org/en/parents/rotavirus.html”
- โรคระบบทางเดินอาหาร: ลำไส้อุดตัน ภาวะลำไส้กลืนกัน ไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้ใหญ่อักเสบ… ล้วนทำให้เกิดอาการไข้และท้องร่วงในเด็กได้ หากลูกมีอาการเหล่านี้ร่วมกับอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน หรือถ่ายเป็นเลือด พ่อแม่จำเป็นต้องพาทารกไปพบแพทย์ทันที
- ฟันงอก: เมื่อฟันขึ้น ลูกอาจมีไข้เล็กน้อยและท้องร่วงเนื่องจากร่างกายตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่วัน
- ผลข้างเคียงของวัคซีน: วัคซีนบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น มีไข้เล็กน้อยและท้องเสีย อาการเหล่านี้จะหายไปเองหลังผ่านไป 1-2 วัน
2. หากลูกมีไข้และท้องร่างควรทำอย่างไร?
2.1. ลดอุณหภูมิร่างกาย
เมื่อเด็กเล็กมีไข้และท้องร่วง สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำให้ร่างกายเย็นลง คุณสามารถใช้มาตรการลดไข้ตามธรรมชาติ เช่น เช็ดตัวด้วยน้ำเย็นและให้เด็กดื่มน้ำเยอะเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
สำหรับอาการท้องร่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสริมน้ำและอิเล็กโทรไลต์ให้เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดน้ำ สามารถให้เด็กดื่มน้ำเปล่า น้ำข้าวเจือจาง หรือน้ำเกลือเจือจางได้ หลีกเลี่ยงการให้อาหารเด็กที่ระคายเคืองต่อลำไส้
2.2. รักษาหน้าท้องให้อบอุ่น
เมื่อเด็กเล็กมีไข้และท้องร่าง มาตรการสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่คุณต้องทำคือทำให้หน้าท้องอบอุ่น ซึ่งจะช่วยลดความรู้สึกไม่สบายท้องและตะคริวในช่องท้อง และยังช่วยในกระบวนการฟื้นตัวอีกด้วย คุณสามารถใช้ผ้าเช็ดตัวอุ่นหรือถุงน้ำร้อนพันไว้บนท้องของลูกได้ อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ทำลายผิวหนังของเด็ก
2.3. ใส่ใจกับอาหารที่เด็กทาน
เด็กเล็กมีระบบทางเดินอาหารอ่อนแอ ดังนั้นการปรับอาหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญ ขั้นแรก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กได้รับน้ำและอิเล็กโทรไลต์เพียงพอเพื่อทดแทนการสูญเสียจากอาการท้องร่วง น้ำเปล่า น้ำมะพร้าว หรือน้ำผลไม้ไม่หวานสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและอิเล็กโทรไลต์ที่จำเป็นได้
ในส่วนของการควบคุมอาหาร ให้เลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ขนมปังเนื้อนุ่ม หรือกล้วย หลีกเลี่ยงการให้อาหารทารกที่มีน้ำตาล ไขมัน และเครื่องเทศเข้มข้น เพราะอาจทำให้ท้องเสียได้ ถ้าเด็กไม่อยากทานก็อย่าบังคับเขา พยายามให้เด็กดื่มน้ำเยอะและค่อยๆ ป้อนอาหารกลับเข้าไปใหม่เมื่อเด็กเริ่มรู้สึกหิว “https://www.verywellhealth.com/treatments-for-vomiting-and-diarrhea-2634670”
2.4. ใส่ใจกับปัญหาด้านสุขอนามัย
สุขอนามัยส่วนบุคคลก็มีความสำคัญมาก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กล้างมือเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร ใช้สบู่และน้ำสะอาดในการล้างมือ และหากไม่มีให้ใช้เจลทำความสะอาดมือแบบไม่ต้องล้างออก
เปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าอ้อม และผ้าเช็ดตัวของเด็กทุกวันเพื่อให้สะอาด หากเด็กท้องเสีย ให้ล้างจุดซ่อนเร้นของเด็กหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมแต่ละครั้ง และใช้ครีมทาผ้าอ้อมป้องกันผื่นผ้าอ้อม
สุดท้ายนี้ รักษาสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยของเด็กให้สะอาด ทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวที่ลูกสัมผัสบ่อยครั้งด้วยน้ำยาทำความสะอาดต้านเชื้อแบคทีเรีย
2.5. พาเด็กไปพบแพทย์
ท้องเสียและมีไข้หลายวันอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยร้ายแรง ดังนั้นหากอาการของเด็กไม่ดีขึ้นหลังจากผ่านไป 2-3 วัน มารดาจำเป็นต้องพาเด็กไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจดู แพทย์จะทำการตรวจอุจจาระและทดสอบอื่นๆ เพื่อหาสาเหตุของโรคและให้การรักษาที่เหมาะสม
เมื่อพาเด็กไปที่คลินิก ให้นำข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของเด็ก รวมถึงประวัติทางการแพทย์ ยาที่เด็กรับประทาน และบันทึกอาการของเด็กเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องและรักษาได้อย่างเหมาะสม
แพทย์อาจสั่งการตรวจบางอย่างเพื่อหาสาเหตุของไข้และท้องเสีย จากผลการตรวจแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลเด็กที่บ้านหรือตัดสินใจว่าเด็กต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่
โปรดจำไว้ว่าการพาลูกไปพบแพทย์ในเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของเด็ก อย่าลังเลเมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะสุขภาพของเด็ก ความปลอดภัยและสุขภาพของเด็กเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ
3. ใช้โปรไบโอติก BIOPRO ให้แบคทีเรียตัวดีในลำไส้สำหรับเด็ก
BioPro เป็นแบรนด์โปรไบโอติกชั้นนำที่มีชื่อเสียงซึ่งผลิตโดยตรงในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ BioPro ผลิตจากโปรไบโอติกสายพันธุ์จากธรรมชาติ ปลอดภัยสำหรับเด็ก และผ่านการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยปรับปรุงสุขภาพทางเดินอาหาร ด้วยคุณประโยชน์ของการใช้โปรไบโอติก BioPro สำหรับเด็ก เช่น
- เสริมแบคทีเรียตัวดีให้กับลำไส้: ระบบย่อยอาหารของเด็กแรกเกิดและเด็กเล็กยังอ่อนแอและขาดแบคทีเรียมีประโยชน์ การใช้โปรไบโอติก BioPro ช่วยเสริมแบคทีเรียมีประโยชน์สำหรับลำไส้ ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ และช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงของความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร: ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่ ท้องร่วง ท้องผูก ท้องอืด และอาหารไม่ย่อย โปรไบโอติก BioPro ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ ช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงของความผิดปกติในการย่อยอาหารในเด็ก
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: จุลินทรีย์ในลำไส้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โปรไบโอติก BioPro ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ จึงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้เด็กป่วยน้อยลง
- รองรับการดูดซึมสารอาหาร: จุลินทรีย์ในลำไส้ที่แข็งแรงช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น โปรไบโอติก BioPro ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ จึงช่วยให้เด็กดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และสนับสนุนพัฒนาการที่ดีต่อสุขภาพ