อาการปวดเกร็งที่หน้าท้องส่วนบนอาจเป็นอาการเตือนของโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร ดังนั้นนี่คืออาการของโรคอะไร วิธีการรักษาและแนวทางการบรรเทาอาการคืออะไร ลองดูบทความด้านล่างนี้
1. สาเหตุของอาการปวดเกร็งที่หน้าท้องส่วนบน
หน้าท้องส่วนบนคือบริเวณท้องจากสะดือขึ้นไปจนถึงใต้กระดูกอก อาการปวดท้องที่หน้าท้องส่วนบนอาจเป็นอาการของโรคต่างๆ ได้มากมาย ต่อไปนี้คือสาเหตุบางประการของอาการปวดในบริเวณหน้าท้องส่วนบน
1.1. ภาวะอาหารไม่ย่อยหรืออาหารไม่ลงท้อง
ภาวะอาหารไม่ย่อยหรืออาหารไม่ลงท้องเป็นอาการที่พบบ่อยซึ่งหลายคนประสบภาวะนี้ นี่คือโรคที่เมื่อระบบย่อยอาหารของร่างกายทำงานไม่ถูกต้อง จนนำไปสู่อาการต่างๆ เช่น ปวดท้องส่วนบน ไม่สบายท้อง ท้องอืด แน่นท้อง และท้องผูก สาเหตุอาจมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ความเครียด หรือขาดการออกกำลังกาย
1.2. โรคกระเพาะอักเสบ
โรคกระเพาะอักเสบเป็นภาวะของโรคเมื่อเยื่อบุของกระเพาะอาหารอักเสบหรือบวม อาการทั่วไปที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และท้องอืด โรคกระเพาะอักเสบอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ Helicobacter pylori การใช้ยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ในระยะยาว หรือความเครียด
1.3 โรคลำไส้อักเสบ
โรคลำไส้อักเสบเป็นภาวะทางการแพทย์ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องส่วนบน ท้องร่วง หรือท้องผูก โรคลำไส้อักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หรืออาจเกิดจากอาหารและวิถีชีวิต โรคลำไส้อักเสบถึงจะทำให้เกิดความไม่สบายตัวและปวด แต้ก็สามารถรักษาคุณภาพชีวิตให้ดีได้ด้วยการจัดการที่เหมาะสม
1.4 การตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์เป็นขั้นตอนตามธรรมชาติที่ใช้เวลาประมาณ 40 สัปดาห์ ซึ่งร่างตัวอ่อนค่อยๆ เติบโตเป็นทารก ในระหว่างกระบวนการนี้ คุณแม่จะรู้สึกเจ็บท้องส่วนบนได้ซึ่งเกิดจากกรดไหลย้อนหรือแรงดันต่อหน้าท้องที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากทารกที่เติบโต แม้จะมีความท้าทาย แต่การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความท้าทายที่ต้องดูแลสุขภาพและเตรียมตัวทางอารมณ์อย่างเหมาะสม
1.5 โรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนเป็นภาวะที่ของเหลวในกระเพาะอาหารที่ประกอบด้วยอาหารและกรดไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารและทำให้เยื่อบุระคายเคืองและเกิดการอักเสบ โรคนี้เป็นโรคระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อยและมีผลกระทบต่อ 10-20% ประชากรทั่วโลก
อาการหลักของภาวะกรดไหลย้อนคืออาการแน่นหน้าอก ซึ่งเป็นความรู้สึกแสบร้อนตั้งแต่กระเพาะอาหารไปจนถึงลำคอ อาการเรอเปรี้ยว คลื่นไส้ อาเจียน กลืนลำบาก แสบร้อนที่หน้าอก ไอแห้ง เสียงแหบ หากไม่ได้รับการรักษา โรคกรดไหลย้อนอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น หลอดอาหารอักเสบ หลอดอาหารตีบ หลอดอาหารของ Barrett และมะเร็งหลอดอาหาร
สาเหตุของภาวะกรดไหลย้อน ได้แก่ กรรมพันธุ์ การดำเนินชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น การกินที่ไม่เป็นเวลา โรคอ้วน การใช้ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ความเครียด …
1.6. อาการปวดท้องส่วนบนแบบเป็นๆ หายๆ เนื่องมาจากกลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน
กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวนเป็นความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อย ซึ่งก่อให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสีย ในบางกรณี ผู้ป่วยที่มีกลุ่มอาการลำไส้แปรปรวนอาจประสบอาการปวดท้องแบบเป็นๆ หายๆ บริเวณท้องส่วนบน ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่กึ่งกลางด้านบนของหน้าท้อง ต่ำกว่ากระดูกหน้าอก
อาการปวดมักมีลักษณะเป็นตะคริว รุนแรง และอาจแผ่ไปถึงสองข้างหรือหลังได้ มักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารกระตุ้น เช่น อาหารรสจัด อาหารมัน หรือเครื่องดื่มอัดลม นอกจากนี้ อาการปวดอาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ แน่นหน้าอก อาหารไม่ย่อย ท้องอืด และการขับถ่ายเปลี่ยนแปลง
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บตรงโพรงท้องส่วนบนเนื่องจากกลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน อาจเกี่ยวเนื่องจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ที่ผิดปกติ ความไวต่อระบบประสาทของลำไส้เพิ่มมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในลำไส้
1.7 หลอดอาหารอักเสบ
หลอดอาหารอักเสบ คือ ภาวะที่เยื่อบุผิวภายในหลอดอาหารเกิดการอักเสบและบวม หลอดอาหารคือท่อกล้ามเนื้อซึ่งเชื่อมต่อจากปากถึงกระเพาะอาหาร ทำหน้าที่ลำเลียง
าหาร เมื่อเยื่อบุผิวได้รับความเสียหาย ผู้ป่วยอาจพบอาการไม่สบายตัวหลายๆ อย่างซึ่งส่งผลกระทบต่อการกินและการใช้ชีวิต
โรคดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยดังนี้:
- กลืนลำบาก กลืนเจ็บ
- ปวดเกร็งบริเวณใต้ลิ้นปี่
- ร้อนใน คลื่นไส้ อาเจียน
1.8 นิ่วในท่อนน้ำดี
นิ่วในท่อนน้ำดีคือภาวะที่เกิดนิ่วอย่างน้อย 1 ก้อนในท่อนน้ำดีหลักซึ่งอยู่ด้านนอกของตับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพในด้านลบหลายประการ นิ่วเหล่านี้อาจก่อตัวมาจากเม็ดสีน้ำดี เกลือแคลเซียม หรือคอเลสเตอรอล และก่อให้เกิดการอุดตันในท่อน้ำดี ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดอย่างรุนแรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ คลื่นไส้ อาเจียน ไข้ ตัวเหลือง …
ขาดการรักษาอย่างทันท่วงที นิ่วในท่อนน้ำดีอาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงอันตรายได้มากมาย เช่น ตับอ่อนอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หรือแม้แต่เสียชีวิต ดังนั้น การสังเกตสัญญาณเตือนและการไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
1.9. แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นเป็นภาวะการทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้นอันเกิดจากความไม่สมดุลกันระหว่างปัจจัยป้องกันและปัจจัยทำลายที่นี่ อาการที่พบได้ทั่วไปคืออาการปวดท้องบริเวณเหนือสะดือ เรอบ่อย ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน …
สาเหตุหลักๆ ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori การใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เป็นเวลานาน ความเครียด การดื่มสุราหรือการสูบบุหรี่จัด …
1.10. โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในกรณีที่กระแสเลือดที่ส่งออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงหัวใจเกิดการปิดกั้นอย่างกะทันหัน ซึ่งนำมาซึ่งการทำลายหรือการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ สาเหตุหลักที่พบได้ทั่วไปนั้นเกิดจากการที่คราบจุลินทรีย์ที่อยู่ในเส้นเลือดหัวใจเกิดการแตกและก่อให้เกิดลิ่มเลือดจนอุดตันกระแสเลือด
โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น:
- ปวดในบริเวณลิ้นปี่ มักลามไปที่คอ กราม แขน หรือไหล่
- หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน
- อาเจียนเป็นเลือด
- หน้ามืด วิงเวียน
- เหงื่อเย็น
1.11. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
ภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันเป็นภาวะอักเสบทันทีของตับอ่อน ซึ่งเป็นอวัยวะขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลังกระเพาะอาหาร ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการผลิตเอนไซม์เพื่อการย่อยอาหารและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โรคนี้เริ่มต้นจากอาการหลักคือปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ซึ่งลามไปที่หลัง ซึ่งปกติจะเกิดหลังจากทานของที่มีไขมันมากหรือดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนั้น ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ไข้ และหัวใจเต้นเร็ว
2. การปวดเกร็งเป็นระยะๆ บริเวณใต้ลิ้นปี่เป็นอันตรายหรือไม่?
การปวดเกร็งเป็นระยะๆ บริเวณใต้ลิ้นปี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยของระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องอืด กรดไหลย้อน ไปจนถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่า เช่น แผลในกระเพาะอาหารหรือแม้กระทั่งโรคหัวใจ
หากละเลยอาการดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นอันตราย เช่น:
- การอักเสบของกระเพาะอาหารอาจลุกลามกลายเป็นแผลในกระเพาะอาหาร เลือดออก หรือแม้กระทั่งกระเพาะอาหารทะลุ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขอาการ
- อาการปวดก่อนคลอดอาจส่งผลไม่เพียงแค่ต่อทารกในครรภ์แต่ยังส่งผลต่อผู้เป็นแม่ด้วย
- อาการปวด อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน …
3. ปวดท้องส่วนบน ควรทำอย่างไร? เมื่อไหร่ต้องไปพบแพทย์?
เมื่อคุณปวดท้องส่วนบน มีมาตรการดูแลตัวเองบางอย่างที่อาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ประการแรก หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกระตุ้น เช่น อาหารรสเผ็ด ไขมัน และคาเฟอีน ประการที่สอง ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ และสุดท้าย ลองทานอาหารมื้อเล็กๆ หลายมื้อในแต่ละวัน แทนที่จะเป็นมื้อใหญ่สามมื้อ
อย่างไรก็ตาม หากอาการปวดไม่บรรเทาหลังจากใช้มาตรการดูแลตัวเองแล้ว หรือหากอาการปวดรุนแรงขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ เหนื่อย อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเจ็บหน้าอก คุณควรไปพบแพทย์ทันที อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า และจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาในระยะเริ่มแรก
4. วิธีการวินิจฉัยและรักษาอาการปวดท้องส่วนบน
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- เอกซเรย์ทรวงอก อัลตราซาวนด์ช่องท้อง เอกซเรย์คอมพิวเตอร์
- ส่องกล้องระบบทางเดินอาหารเพื่อหาก้อนหรือรอยเลือดออกในหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร
- ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ
การรักษาอาการเสียดแน่นบริเวณยอดอกจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว วิธีการรักษาอาจประกอบด้วย: การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในโภชนาการและวิถีชีวิต การใช้ยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์หรือยาที่สั่งโดยแพทย์ตามคำแนะนำของแพทย์ ในกรณีที่อาการเสียดแน่นบริเวณยอดอกเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ อาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรืออาจถึงขั้นเข้ารับการผ่าตัดหากอาการรุนแรงมาก เช่น ในกรณีของภาวะหลอดอาหารอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร …
5. การเยียวยาอาการเสียดแน่นบริเวณยอดอกที่บ้าน
5.1 การเปลี่ยนวิถีชีวิต
การเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการรักษาอาการเสียดแน่นบริเวณยอดอกที่บ้าน
จุดสำคัญประการแรกคือ ต้องใส่ใจโภชนาการ ลดอาหารรสเผ็ด ของมัน และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน บริโภคอาหารที่มีเส้นใยและน้ำแทน
จุดสำคัญที่สองคือ รับประทานอาหารหลายๆ มื้อในแต่ละวันแทนที่จะรับประทานเพียงแค่ 3 มื้อใหญ่ และหลีกเลี่ยงการอดอาหารหรือรับประทานอาหารมากเกินไป
จุดสำคัญประการที่สามคือการออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยพัฒนาสุขภาพโดยรวมและลดความเครียด ซึ่งอาจช่วยลดอาการเสียดแน่นบริเวณท้องส่วนบน
สุดท้าย ให้แน่ใจว่าคุณนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละคืน เพราะการนอนหลับไม่เพียงพออาจเพิ่มความรู้สึกเจ็บปวด
จำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตใดๆ ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
5.2. ควรทานอะไรเมื่อมีอาการปวดท้องส่วนบน?
ขมิ้นและน้ำผึ้ง: รู้จักกันมานานแล้วว่าเป็นวิธีการพื้นบ้านที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดอาการปวดท้อง โดยเฉพาะอาการปวดบริเวณลิ้นปี่
ขมิ้นต้านการอักเสบได้เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์เคอร์คูมินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้ดี ช่วยลดอาการบวมและแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้เคอร์คูมินยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารจากอันตรายของกรดส่วนเกินและแบคทีเรีย นอกจากนี้เคอร์คูมินยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ส่งเสริมกระบวนการสมานแผลเป็น ช่วยให้กระเพาะอาหารหายเร็วขึ้น
ขิงเป็นที่รู้จักมายาวนานว่าเป็นยาอันทรงคุณค่าซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากมาย ด้วยเหตุนี้ ขิงได้นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร ด้วยคุณสมบัติต้านการอักเสบ ขิงสามารถช่วยลดอาการปวดท้องได้ นอกจากนี้ อาการทั่วไปอื่นๆ ที่ขิงสามารถช่วยปรับปรุงได้ ได้แก่:
- ท้องอืด อาหารไม่ย่อย: ขิงช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำย่อย ช่วยย่อยอาหารมีประสิทธิภาพ ลดอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อย
- ท้องผูก: ขิงเป็นยาระบายเบาๆ ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยให้ร่างกายกำจัดอุจจาระได้ง่ายขึ้น และช่วยให้อาการท้องผูกดีขึ้น
- ท้องร่วง: ขิงต้านเชื้อแบคทีเรียได้ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย และยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและอาการกระตุกของลำไส้อีกด้วย
- คลื่นไส้ อาเจียน: ขิงช่วยกันเมารถ และยังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคทางเดินอาหารผิดปกติ และอาหารเป็นพิษ
เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากขิงต่อระบบย่อยอาหาร คุณสามารถใช้ขิงได้หลายวิธี เช่น:
- ดื่มชาขิงอุ่น: นี่เป็นวิธีใช้ขิงที่ง่ายและนิยมมากที่สุด คุณสามารถทำชาขิงได้โดยหั่นขิงสดเป็นชิ้นบางๆ แช่ในน้ำเดือดประมาณ 5-10 นาที แล้วเติมน้ำผึ้งหรือมะนาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ คุณควรดื่มชาขิงอุ่นๆ ทุกวัน โดยเฉพาะหลังมื้ออาหารเพื่อช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น
- ทานขิงสด: สามารถใช้ขิงสดโดยตรงหรือใส่ในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ สามารถหั่นขิงเป็นชิ้นบางๆ เพื่อทานกับอาหาร หรือขิงบดเพื่อทำเครื่องดื่มก็ได้
- ใช้น้ำมันหอมระเหยขิง: น้ำมันหอมระเหยขิงสามารถใช้นวดหน้าท้องหรือกระจายไปในอากาศเพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และช่วยในการย่อยอาหาร
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเป็นที่รู้จักมานานแล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ รวมถึงความสามารถในการลดอาการปวดท้องส่วนบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งกรดในกระเพาะอาหาร และเสริมแบคทีเรียในลำไส้ที่มีประโยชน์ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลช่วยปกป้องเยื่อบุทางเดินอาหาร ช่วยบรรเทาอาการปวดและปรับปรุงอาการ
5.3. ควรหลีกเลี่ยงอะไรเพื่อลดอาการปวดท้องส่วนบน?
มีอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการต่างๆ เช่น ท้องอืด แสบร้อนกลางอก และปวดท้อง ซึ่งผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยง:
- เครื่องดื่มอัดลม กาแฟ แอลกอฮอล์
- อาหารรสจัด มีไขมันเยอะ
- อาหารแปรรูปที่มีไขมันอิ่มตัวมาก เช่น ไส้กรอก กุนเชียง…
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้มโอ มะม่วง…
- อาหารดอง
เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้องส่วนบน ผู้ป่วยสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องสุขภาพ BIOPRO ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีอาการลำไส้แปรปรวนจากแบคทีเรียมีประโยชน์หลายชนิด
บทความนี้สรุปสาเหตุหลักของอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ หากคุณรู้สึกปวดรุนแรงนานหลายชั่วโมง ควรไปหาหมอเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาเหมาะสม
6. ข้อมูลอ้างอิง
17 Proven Home Remedies for Stomach Aches and Cramps | HealthyLine
What Can Cause Epigastric Pain Below the Ribs?
Epigastric Pain: What Can Cause Pain in Epigastric Region?