Maythaporn Kumchan

Quản lý

Block "nguyen-tac-xuat-ban-noi-dung" not found

BÀI VIẾT CỦA TÁC GIẢ

ไส้ติ่งอักเสบ หายได้เองหรือไม่? ทำอย่างไร เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ?

ไส้ติ่งอักเสบจะหายไปเองหรือเปล่า? จะป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้อย่างไร?

ภาวะไส้ติ่งอักเสบ คือ ภาวะที่เยื่อบุลำไส้ติ่งเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง เบื่ออาหาร ซึ่งอาการต่างๆ มักไม่ชัดเจน จึงทำให้หลายคนละเลย คิดว่าหายเองได้ ภาวะไส้ติ่งอักเสบสามารถหายเองได้จริงหรือไม่? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจนี้กันในบทความนี้ 1. อาการและสาเหตุของไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบเป็นภาวะทางการแพทย์ที่พบบ่อย มักเกิดขึ้นเมื่อไส้ติ่ง ส่วนเล็กๆ ของระบบทางเดินอาหาร เกิดอาการอักเสบ สาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดภาวะไส้ติ่งอักเสบ คือ การอุดตันในไส้ติ่ง ซึ่งอาจเกิดจากอุจจาระแข็งผิดปกติ หรือแม้กระทั่งเนื้องอก อาการแรกมักจะเป็นอาการปวดท้อง โดยมักเริ่มบริเวณใกล้สะดือหรือเหนือสะดือแล้วจะย้ายไปทางด้านขวาล่างของหน้าท้อง อาการปวดท้องมักจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อไอ จาม หรือเคลื่อนไหว อาการอื่นๆ อาจรวมถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มีไข้ และเบื่ออาหาร อย่างไรก็ตาม ต้องทราบว่าผู้ที่เป็นไส้ติ่งอักเสบอาจไม่มีอาการเหล่านี้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุอาจไม่มีอาการตามแบบฉบับ ดังนั้น หากมีความสงสัยไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ควรต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะไส้ติ่งอักเสบอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที 2. ผู้ที่เป็นไส้ติ่งอักเสบสามารถรักษาให้หายได้เองหรือไม่? ภาวะไส้ติ่งอักเสบเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ไม่สามารถหายเองได้ เมื่อเกิดภาวะไส้ติ่งอักเสบ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที รวมถึงไส้ติ่งอาจแตกและทำให้เกิดการติดเชื้อทั่วร่างกายได้...

ท้องอืด ท้องเฟ้อบ่อยๆ สัญญาณของโรคอะไร? วิธีแก้ไข?

ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นอาการของโรคอะไร?

ท้องอืดท้องเฟ้อคืออาการทางระบบทางเดินอาหาร แม้ว่าไม่เป็นอันตรายแต่ก็ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอึดอัด แล้วสาเหตุและวิธีป้องกันคืออะไร? สามารถติดตามได้จากบทความด้านล่างนี้ 1. ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นอาการของโรคอะไร? ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นภาวะที่ช่องท้องจะขยายเนื่องจากการสะสมของก๊าซในกระเพาะอาหารและลำไส้ นี่เป็นอาการพบบ่อย อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้านล่างนี้คืออาการท้องอืดและท้องเฟ้อที่คุณควรรู้: 1.1. โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบคืออาการอักเสบที่เกิดขึ้นในถุงผนังลำไส้ซึ่งเป็นโครงสร้างรูปถุงเล็กๆ ที่ยื่นออกมาจากผนังลำไส้ใหญ่ เมื่อติดเชื้อ ถุงผนังลำไส้เหล่านี้อาจบวม ฉีกขาด และนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ สาเหตุของโรคอาจเกิดจากการสะสมของอาหารอันเนื่องมาจากอาหารที่มีเส้นใยต่ำ อาหารแปรรูปจำนวนมาก และเนื้อสีแดง อาจทำให้ย่อยอาหารยาก อาหารค้างอยู่ในถุงลำไส้ จึงทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ หรืออาการท้องผูก โรคอ้วน การสูบบุหรี่ และการใช้ยาบางชนิดก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคได้ด้วย อาการนี้ยังมักมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน 1.2 อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) คือ ภาวะทางคลินิกเรื้อรังที่ไม่มีความเสียหายพื้นฐานต่อระบบย่อยอาหาร แต่ก่อให้เกิดอาการที่รู้สึกอึดอัด เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย หรือท้องผูก สาเหตุของภาวะนี้ยังไม่เป็นที่เข้าใจชัดเจน แต่มีแนวโน้มว่ามีความเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อลำไส้ที่ตอบสนองต่อแรงดันและความเครียดแรงกว่าปกติ...

ปวดท้องเป็นพัก ๆ เวลาหิวเกิดจากอะไร? เป็นอันตรายหรือไม่?

ปวดท้องเป็นพัก ๆ เวลาหิวเกิดจากอะไร? เป็นอันตรายหรือไม่?

อาการปวดท้องเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายเมื่อหิว ดังนั้น หลายคนจึงไม่ใส่ใจ หากคุณปวดเกร็งเป็นระยะๆ อาจเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้ แล้งปวดท้องเมื่อหิวคือโรคอะไร? เป็นอันตรายหรือไม่? มาค้นพบกับ bioprothailand.com กันเถอะ 1. ปวดท้องเป็นพัก ๆ เวลาหิวเกิดจากอะไร? เป็นอันตรายหรือไม่? 1.1. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดท้องเมื่อหิว กระเพาะอาหารอักเสบเกิดขึ้นเมื่อเยื่อบุกระเพาะอาหารติดเชื้อหรือเสียหาย เมื่อท้องว่างกรดในกระเพาะอาหารอาจทำให้เกิดอาการปวดและไม่สบายตัวได้ โรคกระเพาะอาหารอักเสบต้องได้วินิจฉัยและรักษาโดยหมอเพื่อลดอาการและความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนด้วย 1.2. อาหารย่อยยาก อาการอาหารย่อยยากคือภาวะที่ระบบย่อยอาหารย่อยอาหารได้ยาก เมื่อท้องว่างกล้ามเนื้อท้องจะหดตัวมากขึ้นเพื่อพยายามย่อยอาหารที่เหลือ สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและตึงเครียดในช่องท้องได้ การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม นิสัยการกินเร็ว และความเครียดสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อาหารย่อยยากได้ 1.3. อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) IBS เป็นโรคทางเดินอาหารที่พบบ่อยซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสีย อาการปวดท้องเมื่อหิวอาจเป็นหนึ่งในอาการของ IBS นอกจากอาการปวดท้องแล้ว โรคนี้มักมาพร้อมกับอาการต่อไปนี้: ดิสเปปเซีย ท้องผูกหรือท้องร่วงบ่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ความวิตกกังวลความเครียด ขับถ่าย 1.4. แผลในกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะอาหารคือภาวะที่เยื่อบุภายในทางเดินอาหาร...

ตรวจลำไส้ใหญ่ที่ไหนดีที่สุดในไทย?

ตรวจลำไส้ใหญ่ที่ไหนดีที่สุดในไทย?

ปัญหาลำไส้ใหญ่มีผลกระทบต่อสุขภาพมากมาย เพื่อความปลอดภัย เราจำเป็นต้องตรวจสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วตรวจลำไส้ใหญ่ที่ไหนดีที่สุดในไทย? บทความด้านล่างนี้จะเปิดเผยที่อยู่ที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพที่สุดให้กับคุณ 1. ต้องไปตรวจลำไส้ใหญ่เมื่อใด? เมื่อร่างกายแสดงอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ คุณต้องไปตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ อาการที่ผู้ป่วยต้องตรวจสุขภาพลำไส้ทันทีมีดังนี้: 1.1. อาการผิดปกติ หากคุณมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณที่ร่างกายให้ ต้องไปตรวจหากมีอาการดังต่อไปนี้: ท้องเสียหรือท้องผูกระยะยาวโดยไม่ทราบสาเหตุ: อาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ ซึ่งเป็นโรคอันตรายชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องได้รักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และทันที ปวดหรือไม่สบายบริเวณช่องท้องส่วนล่าง: ช่องท้องส่วนล่างเป็นบริเวณของลำไส้ใหญ่ หากคุณมีอาการปวด ควรไปหาหมอเพื่อดูว่าลำไส้ใหญ่ของคุณมีปัญหาอะไร สีของอุจจาระผิดปกติ: หากคุณเห็นว่าสีหรือเนื้อสัมผัสของอุจจาระเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณต้องไปหาหมอเพื่อตรวจลำไส้ใหญ่ ถ่ายเป็นเลือด: นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณของการเจ็บป่วยที่ชัดเจนที่สุด และต้องไปตรวจทันทีเพื่อรับการรักษาเหมาะสม ปัสสาวะหลายครั้งต่อวัน: นี่เป็นอาการทั่วไปของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือลำไส้ใหญ่อักเสบ ต้องไปหาหมอทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงกว่านี้ 1.2. คนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่เป็นเนื้องอกขนาดเล็กที่เยื่อบุลำไส้ใหญ่ ติ่งเนื้อบางชนิดอาจกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้หากตรวจไม่พบและไม่ได้กำจัดออกทันที หากครอบครัวของคุณมีญาติที่เป็นติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่หรือเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ การตรวจลำไส้ใหญ่เป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญมาก จากการตรวจเป็นประจำ เช่น ตรวจทางทวารหนักหรือตรวจอุจจาระ หมอของคุณสามารถระบุการมีอยู่และการเจริญเติบโตของติ่งเนื้อได้ จึงสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมเกี่ยวกับการติดตามหรือตัดติ่งเนื้อออก 1.3. อายุ ยิ่งคุณอายุมากเท่าไร คุณก็ยิ่งเสี่ยงต่อโรคนี้มากขึ้นเท่านั้น และนี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าจะไปตรวจลำไส้ใหญ่เมื่อใด สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป...

BIOPRO – ช่วยบรรเทาอาการปวดจากโรคลำไส้แปรปรวน

3 เคล็ดลับลดอาการลำไส้แปรปรวนที่บ้าน

อาการปวดท้องไม่สบายคือการครอบงำจิตใจของผู้ที่เผชิญกับอาการลำไส้แปรปรวน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถลดความเจ็บปวดได้อย่างสมบูรณ์ด้วยเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้าน ด้านล่างนี้เป็นมาตรการที่ค่อนข้างง่ายและปลอดภัยที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ 1. โรคลำไส้แปรปรวนคืออะไร? โารลำไส้แปรปรวนเป็นภาวะสุขภาพทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร ผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนมักจะรู้สึกปวดท้อง ไม่สบายตัว และมักมีอาการท้องผูกหรือท้องร่วง อาการปวดมักเพิ่มขึ้นหลังรับประทานอาหาร และลดลงเมื่อขับถ่าย แม้ว่าอาจทำให้รู้สึกไม่สบายและเจ็บปวด แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรงหรือทำให้อายุขัยสั้นลง การรักษามักรวมถึงเปลี่ยนอาหาร ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น และลดความเครียด ในบางกรณีอาจใช้ยาเพื่อลดอาการได้ 2. สาเหตุของอาการปวดเริ่มเกิดจากอะไร? อาการปวดลำไส้ใหญ่เกิดได้จากหลายสาเหตุ: โรคไอบีเอสหรือลำไส้แปรปรวน: นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการปวดลำไส้ใหญ่ ความผิดปกติของลำไส้ใหญ่อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและไม่สบายท้องส่วนล่าง ซึ่งมักมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับถ่าย โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ: ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นอาการอักเสบของลำไส้ใหญ่ซึ่งมักทำให้เกิดความเจ็บปวดและไม่สบายตัว อุดตันหรือลำไส้อักเสบ: ปัญหาเช่นอุดตันหรือการอักเสบของลำไส้อาจทำให้เกิดอาการปวดลำไส้ใหญ่ได้เช่นกัน อาการลำไส้แปรปรวน: ภาวะที่เกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ผิดปกติทำให้เกิดอาการปวดลำไส้ใหญ่ อาหาร: การรับประทานอาหารที่ระคายเคืองมากเกินไปหรือมีเส้นใยไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอาการปวดลำไส้ใหญ่ได้ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ทานอาหารรสเผ็ด มีมันเยอะ อาหารจานด่วน อาหารแปรรูป ดื่มเบียร์ แอลกอฮอล์ กาแฟ น้ำอัดลม การกินขาดใยอาหาร การกินผักและผลไม้สีเขียวน้อย รับประทานอาหารตรงเวลา รับประทานอาหารอิ่มเกินไปหรือหิวเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดลำไส้ใหญ่ได้...

รักษาและป้องกันติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่

รักษาและป้องกันติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่

ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่เป็นปัญหาสำคัญเพราะอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ ดูขนาด จำนวน และพยาธิวิทยา (เนื้อเยื่อวิทยา) ของติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ สามารถทำนายความเป็นไปได้ที่ติ่งเนื้อจะแย่ลงและกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แล้วจะรักษาและป้องกันติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ได้อย่างไร? ติดตามบทความด้านล่างนี้กันเถอะ 1. ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ได้รักษาอย่างไร? ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่เป็นเนื้องอกขนาดเล็กที่เติบโตตามเยื่อบุลำไส้ใหญ่ แม้ว่าติ่งเนื้อส่วนใหญ่จะไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่สามารถเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รักษา ต่อไปนี้คือวิธีรักษาตามปกติสำหรับติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่: กำจัดระหว่างการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่: นี่เป็นวิธีการรักษาที่พบบ่อยที่สุด ในระหว่างการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ แพทย์จะใช้กล้องเอนโดสโคปเพื่อดูและกำจัดติ่งเนื้อ หากติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่เกินไป แพทย์อาจต้องผ่าตัดเพื่อเอาออก ผ่าตัด: ในกรณีที่ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่เกินไปหรืออยู่ในบริเวณที่เข้าถึงได้ยาก แพทย์อาจตัดสินใจทำการผ่าตัดเพื่อเอาติ่งเนื้อออก การผ่าตัดสามารถทำได้ด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมหรือวิธีการที่มีการบุกรุกน้อยที่สุด เช่น ผ่าตัดผ่านกล้องหรือผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ติดตามหลังจากรักษา: เมื่อเอาโปลิปออกแล้ว ผู้ป่วยจะต้องติดตามผลต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าโปลิปจะไม่กลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งมักจะรวมถึงการตรวจตามปกติด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ นิสัยการทานอาหารและวิถีชีวิต: ทานอาหารเพื่อสุขภาพและวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงสามารถช่วยป้องกันการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งรวมถึงทานผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสีให้มาก จำกัดการบริโภคเนื้อแดงและแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ใช้ยา: ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งยาเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของติ่งเนื้อ อย่างไรก็ตาม การใช้ยามักจะพิจารณาเฉพาะเมื่อการรักษาอื่นๆ ไม่ได้ผลหรือไม่เหมาะสมเท่านั้น ติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่แต่ละกรณีต้องใช้วิธีการรักษาแตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ผู้ป่วยจะต้องปรึกษากับแพทย์เพื่อกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด 2. ยารักษาติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่มีประสิทธิภาพหรือเปล่า? ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งยาเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของติ่งเนื้อ...

BIOPRO รับสมัครตัวแทนจำหน่าย

เพิ่มรายได้ – สร้างรายได้ง่ายๆ เมื่อเป็นตัวแทนของ BIOPRO

เนื่องจากจำเป็นต้องขยายและพัฒนาตลาดเพื่อดำเนินการตามแผนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย ทางเราประกาศรับสมัครร้านขายยา ร้านขายยา และคลินิก ด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้ 1. ขอบเขต ทุกจังหวัดและเมืองทั่วประเทศ 2. ข้อกำหนด ตัวแทนขายอาจเป็นบุคคล นิติบุคคล หรือบริษัท มีความสามารถทางการเงิน สามารถดำเนินการและขายได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพ 3. ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย BIOPRO – ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก 4. นโยบายและสิทธิประโยชน์ 4.1. มีราคาส่ง – ชัดเจน ส่วนลดสูงถึง 41% โปรแกรมโบนัสเพิ่มเติมมากมายสำหรับตัวแทน: โบนัสรายไตรมาส โบนัสรายเดือน โบนัสรายปี ส่วนลดชัดเจน สมดุลระหว่างตัวแทนรายใหญ่และรายย่อย ==> ทำธุรกิจออนไลน์หรือในร้านค้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการแข่งขัน 4.2. ช่วยจัดการผลิตภัณฑ์เหลืออยู่ในสต็อก วันหมดอายุนาน ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ได้ ตลาดใหญ่ ไม่ต้องกังวลเรื่องผลิตภัณฑ์ล้นสต๊อก มีแผนกสนับสนุนตัวแทนขายผลิตภัณฑ์เมื่อในสต๊อกยังมีอยู่เยอะ ==> เป็นตัวแทนของ Codeage ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ได้ 4.3. มีแหล่งข้อมูลลูกค้าออนไลน์ ทางเราจะส่งข้อมูลลูกค้าให้คุณ...

โรคลำไส้แปรปรวนเป็นอันตรายหรือเปล่า

โรคลำไส้แปรปรวนเป็นอันตรายหรือเปล่า

โรคลำไส้แปรปรวนค่อนข้างพบบ่อยและมีหลายคนเป็น อย่างไรก็ตามไม่ใช่ใครๆ ก็เข้าใจโรคนี้อย่างชัดเจน เพื่อตอบคำถามว่า โรคลำไส้แปรปรวนอันตรายหรือเปล่า มาอ่านบทความด้านล่างกันเถอะ 1. โรคลำไส้แปรปรวนคืออะไร โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) เป็นโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของลำไส้และพบบ่อย โรคนี้ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ มีกลุ่มโรคพบบ่อยดังต่อไปนี้: กลุ่มที่ 1: อาการเด่นคือท้องร่วง กลุ่มที่ 2: อาการเด่นคือท้องผูก กลุ่มที่ 3: มีอาการทั้งท้องเสียและท้องผูก กลุ่มที่ 4: ไม่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องผูก แม้ว่า IBS ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต อาการอาจทำให้ผู้ป่วยกลัวเข้าสังคม วิตกกังวล เครียด และอาจเป็นภาวะซึมเศร้าได้ อาการของโรคอาจสับสนกับสัญญาณของโรคอื่นๆ ง่าย แต่อาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่: 1.1. อาการตรงท้อง อาการปวดท้องเป็นอาการพบบ่อยที่สุดของโรคลำไส้แปรปรวน อาการปวดอาจปรากฏที่ใดก็ได้ในช่องท้อง อาจปวดตื้อๆ รุนแรง หรือปวดเกร็งเป็นระยะๆ อาการปวดมักเกี่ยวข้องกับการขับถ่ายและอาจลดลงหลังจากขับถ่าย นอกจากนี้ยังมีอาการท้องอืด ไม่สบายท้อง เพราะโรคลำไส้แปรปรวนทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง เนื่องจากทำให้เกิดอาการท้องอืดเพราะแบคทีเรียที่หมักแป้งซึ่งมีอยู่ในลำไส้ใหญ่ในเวลานาน นอกจากนี้โรคลำไส้แปรปรวนยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวล...

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกัน

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกัน

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันอย่างไรให้ได้ผลคือคำถามที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์บางประการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารที่ได้ตัดโรคทั่วๆ ไปออกไปเกือบหมดสิ้นแล้ว โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร? อันตรายหรือไม่? คุณจะได้รับคำตอบในบทความนี้ 1. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร? โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คือมะเร็งชนิดหนึ่งที่เริ่มจากเซลล์ในเนื้อเยื่อของลำไส้ใหญ่ (ลำไส้ส่วนสุดท้ายของระบบย่อยอาหาร) อายุที่มักเป็นคือ 40-50 ปี โดยอัตราการเกิดในเพศชายสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด มะเร็งมักเริ่มจากติ่งเนื้อเยื่อที่ไม่ร้ายแรง ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นมะเร็งในระยะต่อมา 2. สังเกตอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็เหมือนกับมะเร็งชนิดอื่นๆ ทั่วไป คือ เป็นมะเร็งที่ตรวจพบได้ยาก และมักจะทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดได้ง่าย เนื่องจากอาการแสดงของโรคมักไม่ชัดเจน และผู้ป่วยมักจะตีความอาการผิดปกติทางเดินอาหารที่เกิดขึ้นไปเป็นอาการของโรคทางเดินอาหารทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นกว่าที่ผู้ป่วยจะตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ อาการมักจะแสดงออกมาชัดเจนมากแล้ว อาการผิดปกติบางประการที่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจเป็นโรคนี้อยู่มีดังนี้ มีการเปลี่ยนแปลงของนิสัยการขับถ่าย เช่น ท้องเสีย ท้องผูก หรือถ่ายอุจจาระเหลว  ขณะถ่ายอุจจาระพบเห็นเลือดสดปนมากับอุจจาระ หรือมีอาการถ่ายไม่สุด ถ่ายไม่ออก และรู้สึกเหมือนมีก้อนอุจจาระตกค้างอยู่ภายใน บางครั้งอุจจาระที่ถ่ายออกมาก็มีขนาดเล็กกว่าปกติ นอกจากอาการผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายแล้ว ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจพบว่าตนเองปัสสาวะเป็นเลือดหรือมีสีน้ำปัสสาวะเข้มกว่าปกติ มีอาการท้องอืด แน่นท้องอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะรับประทานยาแก้ท้องอืดแล้วก็ตาม น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า ...

ใช้ยารักษาโรคลำไส้แปรปรวนอย่างไรให้ถูกต้อง

ใช้ยารักษาโรคลำไส้แปรปรวนอย่างไรให้ถูกต้อง

อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) คือภาวะที่รู้สึกไม่สบายหรือปวดท้องร่วมกับอาการถ่ายเหลวหรือท้องผูก โดยมีความผิดปกติเรื่องการขับถ่ายมากกว่า 2 อย่าง และอุจจาระเหลว ลักษณะของอาการของโรคนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด จึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะบอกแนวทางการรักษาที่ถูกต้องสำหรับอาการลำไส้แปรปรวน แต่คำถามนี้ก็เป็นคำถามที่สำคัญสำหรับผู้ป่วย IBS ทั่วไป 1. อาการลำไส้แปรปรวนคืออะไร? อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) เป็นโรคทางเดินอาหารที่พบได้ทั่วไปในหมู่คน โดยมีอาการที่แสดงออกมาอย่าง การปวดท้องหน่วงๆ หลังรับประทานอาหาร นิสัยการขับถ่ายที่ผิดปกติโดยสลับกันระหว่างอาการท้องผูกและท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย และอาการที่เห็นได้ชัดที่สุดคืออุจจาระมีมูกเลือดหรือมีเลือดสด นอกจากนี้ อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหัว, ใจสั่น, ใจเต้นเร็ว, นอนไม่หลับ, วิตกกังวล, กระวนกระวายใจ ฯลฯ สาเหตุสามารถมาจาก สาเหตุที่แท้จริงของภาวะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่แพทย์ได้สรุปว่าสาเหตุหลักมาจากความผิดปกติของระบบประสาททางเดินอาหาร การติดเชื้อในทางเดินอาหาร ความเครียด และพันธุกรรม อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสรีรวิทยาและจิตสังคมด้วย ปัจจุบันเพื่อรักษาภาวะลำไส้แปรปรวน มักใช้ยาตามกลุ่มดังต่อไปนี้: ยาแก้ปวด ลดการบีบตัวของลำไส้ ยาระบาย ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ท้องอืด ...

0948358177