อาการท้องผูก เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในระบบทางเดินอาหารในทุกเพศทุกวัย เชื่อว่าคุณต้องเคยทราบถึงสัญญาณเตือนของอาการท้องผูกที่รุนแรงแล้วใช่ไหม มาดู 10+ สัญญาณของอาการท้องผูกที่รุนแรงที่คุณไม่ควรละเลยไปพร้อมกับ bioprothailand เลยดีกว่า!
1. สัญญาณของอาการท้องผูกที่รุนแรง
อาการท้องผูกที่เป็นมานานจะส่งผลเสียต่อระบบทางเดินอาหารและส่งผลต่อสุขภาพของผู้ป่วย เด็กจะงอแง เบื่ออาหาร และเติบโตช้า ผู้ใหญ่ที่มีอาการท้องผูกเป็นเวลานานจะเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงทวาร รอยแยก และรูรั่วที่ทวารหนักได้ง่าย และสัญญาณของภาวะนี้มักเกิดจาก 2 สาเหตุ ได้แก่ ระบบทางเดินอาหารและตัวผู้ป่วยเอง
1.1. สัญญาณจากระบบทางเดินอาหาร
อาการท้องผูกที่รุนแรงไม่เพียงทำให้รู้สึกไม่สบายเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพได้อีกด้วย การสังเกตสัญญาณเตือนอย่างรวดเร็วของอาการท้องผูกที่รุนแรงมีบทบาทสำคัญในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คืออาการทั่วไปที่คุณควรทราบ:
- ถ่ายอุจจาระน้อยและลำบาก: ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออาจจะถ่ายเพียงครั้งเดียวใน 1 สัปดาห์ เมื่อถ่ายอุจจาระจะลำบากมาก ต้องเบ่งอย่างแรง แต่ก็ยังถ่ายไม่ออกหรือถ่ายออกมาได้น้อย
- อุจจาระแข็งและแห้ง อาจมีเลือดปน: อุจจาระแข็ง แห้ง เป็นก้อน ถ่ายออกมาได้ลำบาก เนื่องจากอาการท้องผูกอย่างรุนแรง อุจจาระอาจมีเลือดปน เนื่องจากเสียดสีกับทวารหนัก ทำให้เกิดรอยขีดข่วน ฉีกขาด
- มีอาการอุจจาระเล็ด: อุจจาระอุดตันเป็นเวลานาน แข็งเป็นก้อน ถ่ายออกมาไม่หมดในครั้งเดียว เมื่อถ่ายอุจจาระจะถ่ายออกมาได้เพียงเล็กน้อย เป็นก้อนเล็กๆ ถ่ายไม่หมด
- ปวดท้อง: ปวดหน่วงๆ ในท้องหรือปวดเป็นพักๆ มักจะปวดบริเวณด้านล่างด้านซ้ายหรือขวา เนื่องจากอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน กดทับอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ: ท้องแน่น อึดอัด เนื่องจากอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการหมักของแบคทีเรีย การบีบตัวของลำไส้แย่ลง ทำให้มีแก๊สสะสมอยู่ในลำไส้ ทำให้ลำไส้ตึงและปวดท้อง
- ริดสีดวงทวาร: เนื่องจากการเบ่งถ่ายอุจจาระอย่างรุนแรง ทำให้ริดสีดวงทวารแตก เลือดออก ทำให้เกิดอาการเจ็บแสบ คันที่ริดสีดวงทวาร มีเลือดสีแดงสดไหลออกหลังจากถ่ายอุจจาระ
- ริดสีดวงทวาร: อาการท้องผูกเรื้อรังเป็นสาเหตุหลักของริดสีดวงทวาร และในทางกลับกัน ริดสีดวงทวารที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด รู้สึกกลัวการขับถ่าย และยิ่งทำให้เกิดอาการท้องผูกหนักขึ้น.
- ลำไส้ตรงหย่อนยาน (อาการรุนแรงที่สุด): ลำไส้ตรงส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดหย่อนยานลงมาทางทวารหนัก ก่อให้เกิดอาการปวดท้องน้อยและความรู้สึกไม่สบาย รู้สึกถ่ายไม่สุด มีก้อนนูนโผล่ออกมาทางทวารหนัก.
1.2 อาการทั่วร่างกาย
นอกจากอาการที่ชัดเจนในระบบย่อยอาหารแล้ว ท้องผูกเรื้อรังยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวมากมาย รวมถึง:
- อารมณ์วิตกกังวล เหนื่อยล้า: ความรู้สึกไม่สบายตัว ตึงเครียดทุกครั้งที่ถ่ายอุจจาระเนื่องจากอุจจาระแข็ง ก้อนใหญ่ ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ทวารหนักและลำไส้ใหญ่ตรง ทำให้เหนื่อยล้า ร่างกายจะดูดซับเอาสารตกค้างจากอุจจาระเข้าสู่เลือด ทำให้ร่างกายเป็นพิษ สมองขาดความแจ่มใส วิตกกังวล เบื่อหน่าย
- ลมพิษ: ท้องผูกเรื้อรังอาจทำให้เกิดอาการบวม แดง และคันในบริเวณทวารหนัก ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นลมพิษ อุจจาระที่ตกค้างในลำไส้เป็นเวลานานจะสร้างก๊าซพิษซึ่งส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้เกิดผื่นและอาการแพ้
2.สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกรุนแรง
อาการท้องผูกรุงแรงไม่เพียงแต่จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงอีกด้วย การหาสาเหตุที่แท้จริงเป็นขั้นตอนแรกในการรักษาอย่างมีประสิทธิผล และยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดขึ้นจากพฤติกรรมใด
2.1 อั้นอุจจาระ
พฤติกรรมนี้อันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการริดสีดวงทวาร เพราะมักจะกลัวปวดแสบขณะถ่ายอุจจาระ การอั้นอุจจาระทำให้เกิดการสะสมของอุจจาระในลำไส้เป็นเวลานาน ทำให้อุจจาระแข็งและขับถ่ายลำบาก.
2.2 ร่างกายขาดน้ำ
การดื่มน้ำไม่เพียงพอเป็นสาเหตุที่พบบ่อยมากที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก น้ำช่วยทำให้ถ่ายอุจจาระได้คล่องขึ้น สร้างสภาพแวดล้อมให้อุจจาระเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น เมื่อขาดน้ำ อุจจาระจะแข็งและขับถ่ายออกมายาก
2.3 รับประทานอาหารที่ไม่มีกากใยเพียงพอ
กากใยมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยให้อุจจาระนิ่มและเคลื่อนผ่านได้ง่าย การรับประทานอาหารที่ไม่มีกากใยเพียงพอเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก
2.4 ภาวะเสื่อมสภาพของร่างกาย
การออกกำลังกายส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยย่อยอาหารและขับถ่าย การออกกำลังกายน้อยจะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง ซึ่งนำไปสู่ภาวะท้องผูก ยิ่งอันตรายมากกว่าสำหรับคนที่ออกกำลังกายน้อย
2.5 ผลข้างเคียงที่เกิดจากยา
ยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ทำให้ท้องผูก สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากยาส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ชะลอการเคลื่อนไหวของอาหารผ่านลำไส้ ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด ยาต้านซึมเศร้า อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการท้องผูก
3. วิธีการป้องกันอาการท้องผูกขั้นรุนแรง
อาการท้องผูกรุนแรงไม่เพียงแต่จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แต่ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพอีกด้วย การใช้มาตรการป้องกันและการรักษาที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมากในการควบคุมสภาวะนี้ ต่อไปนี้คือวิธีแก้ไขที่ได้ผล:
- ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร: หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก หรือปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสม บริโภคอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ในแต่ละวัน เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี และข้าวบาร์เลย์ ไฟเบอร์ช่วยทำให้มูลนิ่มและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน ประมาณ 1.5-2 ลิตร ควรดื่มเป็นจิบๆ ครั้งละไม่เกิน 400 มิลลิลิตร เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างภาระให้กับไต
- สร้างนิสัยการขับถ่ายให้เป็นกิจวัตร: จัดเวลาเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลาทุกวัน โดยเฉพาะหลังมื้อเช้าเพราะจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ โดยไม่กลั้นอุจจาระและต้องนั่งในท่าที่ถูกต้องขณะขับถ่าย
- ออกกำลังกายเป็นประจำ: เลือกประเภทให้เหมาะสม เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ … อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อเรียบในลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้อุจจาระเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น
- อาหารเสริมบางชนิด เช่น โปรไบโอติกหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของใยอาหารชนิดพิเศษ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้และช่วยรักษาอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. โปรไบโอติก BIOPRO – ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่หลายๆ คนให้ความไว้วางใจก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และโปรไบโอติก BIOPRO ก็เป็นที่ยอมรับว่าได้ผลดีที่สุด รวมทั้งมีประโยชน์หลายๆ อย่างต่อระบบย่อยอาหาร
ด้วยส่วนประกอบหลักก็คือ แลคโตบาซิลลัสสายพันธุ์โปรไบโอติกที่ดี โปรไบโอติกส์ BIOPRO ช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารของคุณกลับมาสมดุล เพิ่มภูมิต้านทานในลำไส้ และบรรเทาอาการท้องผูกและท้องผูกเรื้อรังได้อย่างรวดเร็ว โดย BIOPRO 1 ซองบรรจุแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารถึง 5 พันล้านตัว ซึ่งเป็นปริมาณที่เยอะมาก นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยี SMC ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ทำให้แบคทีเรียมีชีวิตอยู่รอดได้ดีกว่าในสภาวะกรดในเพาะอาหาร จึงเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ BIOPRO ได้รับความไว้วางใจให้ใช้งานมาโดยตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา
นอกจากนี้ โปรไบโอติก BIOPRO ยังได้ผ่านการทดสอบอย่างเคร่งครัดกับผู้ป่วยมากกว่า 100 ราย และเป็นไปตามมาตรฐานอันเข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียงทั่วโลก โดยมีใบรับรองที่มีเกียรติ 2 ฉบับ ได้แก่
- ใบรับรองของ FDA ประเทศไทย: ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทย (FDA ประเทศไทย) ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์คุณภาพและความปลอดภัยอันดับหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในตลาดประเทศไทย
- ใบรับรองของ FDA สหรัฐอเมริกา: ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA สหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับทองคำด้านคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารและยาที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ผ่านการทดสอบประเมินผลอันเข้มงวดจากสององค์กรที่มีชื่อเสียงชั้นนำนี้สำเร็จนี้เป็นการยืนยันถึงคุณภาพที่เหนือกว่าของโปรไบโอติก BIOPRO
หมายเหตุ:
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนผสมใดๆ ของผลิตภัณฑ์
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
- ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่ยาและไม่มีไว้เพื่อทดแทนยาในการรักษาโรค